(เขียนเมื่อ 2009-04-22 10:58:00 +0700)

แอบเขียนแบบลวกๆ ล่ะกัน สำหรับ SUBNET ตอนนี้นั่งเซ็ค coova อยู่ แต่ดันนึกจำนวน ip ของแต่ละ subnet ไม่ออก ก็ปกติใช้ 255.255.255.0 กันหมดนี่นา (/24) พอจะซอยย่อยๆ ก็ลืมไปหมดเอาคืนมหาลัยไปหมดแล้ว คริกๆ เซ็ง… ต้องมานั่งเขียนใส่กระดาษใหม่หมดเหอะๆ รู้สึกว่า ยิ่งแก่ยิ่งโง่ อ่ะ

มาทบทวนความจำกันคร่าวๆ ก่อนเนอะ

subnet คือ การแบ่ง network id (ip address) ออกเป็นชุดย่อยๆ ทำให้ host id (network ip) เพิ่มขึ้นแต่ network ip (ip address) ลดลง งง ไหมเนี่ย

ใน 1 sub net จะมีส่วนประกอบหลักๆ 3 อันคือ

  1. Network IP หรือ IP เริ่มต้นของแต่ละ Network
  2. IP Address ของเครื่องลูกข่าย
  3. Boardcast IP หรือ IP สุดท้ายของ Network ถ้าหากส่งข้อมูลให้ IP นี้ จะหมายถึงส่งข้อมูลไปให้ทุกๆ เครื่อง

ยกตัวอย่าง subnet ที่เรานิยมกัน อ้อ ลืมบอกไป subnet ที่เราใช้กันทุกวันนี้เป็น Class C เนอะ มีจำนวน Host ได้สูงสุด 256 แต่ใช้งานได้จริงๆ แค่ 254 เดี๋ยวค่อยมาว่ากัน สำหรับตัวอย่างก็จะเป็น subnet ยอดนิยมคือ 255.255.255.0 สมมุติว่าเราจะใช้ช่วง IP คือ 192.168.10.0/24 นะครับ

  1. Network IP = 192.168.10.0
  2. IP Address = 192.168.10.1 – 192.168.10.254
  3. Boardcast = 192.168.10.255

จะเห็นได้ว่า ปกติ IP ใน Class C จะมีจำนวน 256 host แต่ใช้งานได้จริงๆ แค่ 254 เพราะต้องกันเป็น Network IP และ Boardcast IP ไป 2 หมายเลข

จะสังเกตว่าผมจะเขียนเป็น 192.168.10.0/24 ถ้าเปลี่ยนเป็นแบบที่เข้าใจง่ายๆ ก็คือ IP Network = 192.168.10.0 Subnet = 255.255.255.0 ตัว /24 หมายถึงหมายเลข Subnet นั่นเอง ถ้าหากจะอธิบายไป ก็ต้องทำความเข้าใจเรื่องเลขฐาน 2 และเลข IP อีกนิดนึง

หมายเลข IP คือหมายเลข 4 ชุดชุดละ 8 bit รวมเป็น 32 bit หมายเลข Subnet mask ก็เช่นกันเพราะฉะนั้นที่เขียนว่า /24 ก็หมายถึง 24bit นั่นเอง แล้ววิธีเขียนบืตก็คือ เขียนเลข 1 ไปตามจำนวนบืทที่กำหนดมา จากนั้นเขียนเลข 0 ต่อท้ายไปจนครบ 32 ตัว เช่น

/24 = 11111111 11111111 11111111 00000000 (เลข 1 ครบ 24 ตัวเลข ที่เหลือเติมเลข 0 ให้ครบ 32 ตัว)
แล้วแปลงเลขที่ได้ให้เป็นฐาน 10 ก็จะได้ 255 255 255 0 พอดีกับหมายเลข subnet ที่เราจะกำหนดเลย ไม่ยากใช่ไหมครับ 🙂

รวบรัดเลยล่ะกัน คือเราสามารถแบ่ง subnet ได้โดยการเพิ่มหมายเลขบิทเข้าไปในชุดสุดท้ายของ subnet mask ก็จะได้ตามตารางนี้

 Subnet mask Network IP Address Network IP Boardcast IP
 255.255.255.0 (/24)(254) 1 .1 – .254 255.255.255.0 255.255.255.255
255.255.255.128 (/25)(126) 2 .1 – .126
.129 – .254
255.255.255.0
255.255.255.128
255.255.255.127
255.255.255.255
255.255.255.192 (/26)(62) 4 .1 – .62
.65 – .126
.129 – .190
.193 – .254
255.255.255.0
255.255.255.64
255.255.255.128
255.255.255.192
255.255.255.63
255.255.255.127
255.255.255.191
255.255.255.255
255.255.255.224 (/27)(30) 8 .1 – .30
.33 – .62
.65 – .94
.97 – .126
.129 – .158
.161 – .190
.193 – .222
.225 – .254
255.255.255.0
255.255.255.32
255.255.255.64
255.255.255.96
255.255.255.128
255.255.255.160
255.255.255.192
255.255.255.224
255.255.255.31
255.255.255.63
255.255.255.95
255.255.255.127
255.255.255.159
255.255.255.191
255.255.255.223
255.255.255.255

เอาแค่นี้ก็พอล่ะเนอะ แบ่งมากกว่านี้ก็ไม่รู้จะได้ใช้งานจริงๆ หรือเปล่า ที่เคยใช้จริงๆ ก็แค่ 4 subnet เท่านั้นแหละครับ น้อยกว่านี้ก็ไม่รู้เอาไปใช้ทำไรแล้วอ่ะ

หวังว่าจะมีประโยชน์บ้าง ไม่น้อย ก็น้อยมากๆ ล่ะครับ แหะๆๆๆๆ

Comments

จำนวนความเห็น